เรื่องที่แม้แต่พระเจ้ายังต้องพ่ายแพ้ของอิมบราฮิโมวิ

ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดนักเตะอีกคนหนึ่งของวงการ กองหน้าทีมชาติสวีเดนอย่างซลาตัน อิบราฮิโมวิชมักจะมีประวัติและอาชีพค้าแข้งที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะการประสบความสำเร็จในทุกสโมสรที่เขาได้ไปลงเล่นให้ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศสเปน เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ อิตาลีและแม้แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีรูปแบบการแข่งขันแตกต่างจากยุโรป ซึ่งซลาตันมักจะมีรางวัลต่าง ๆ ประดับตัวเสมอ แต่ทว่าตลอดอาชีพค้าแข้งของเขากลับมีหนึ่งรายการเขาไม่เคยได้สัมผัสเลยสักครั้ง จนเรียกได้ว่ามันคือหลุมดำในอาชีพค้าแข้งของเขานั่นเอง

ความสำเร็จกับทุกสโมสร      

ฉายาพระเจ้าของเขาถือว่าไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยหลังจากที่อิบราฮิโมวิชได้เริ่มลงเล่นกับอาแจ๊กซ์ อาร์มสเตอร์ดัมก่อนที่จะคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 2 สมัยจากการลงเล่นที่นั่นเพียง 4  ปีโดยทำประตูได้ถึง 48 ลูกด้วยกัน จากผลงานที่ร้อนแรงนี่เองทำให้ยักษ์ใหญ่จากอิตาลีอย่างยูเวนตุสซื้อเขาไปร่วมทีมในราคา 16 ล้านยูโรก่อนจะตอบแทนทีมด้วยการพาเจ้าม้าลายเป็นแชมป์ลีกถึงสองปีซ้อน แต่หลังจากมีเหตุการณ์คอร์รัปชั่นของยูเวนตุสทำให้เขาได้แยกทางกับทีมไปอยู่อินเตอร์ มิลานแทน ซึ่งนั่นเป็นยุครุ่งเรืองของอินเตอร์ที่กลายเป็นผู้นำในลีกแทนพร้อมกับคว้าแชมป์กัลโช่ ซีรีย์อาได้อีก 3 สมัย ก่อนจะออกไปร่วมทีมในฝันของเขาอย่างบาร์เซโลน่าและคว้าแชมป์ลาลีกาได้อีกสมัย และไปเป็นกำลังสำคัญให้กับปารีส แซงต์แชร์แมงในเวลาต่อมา

หลุมดำของชีวิตค้าแข้ง

แม้ว่าอิบราฮิโมวิชจะพาสโมสรคว้าแชมป์ลีกสูงสุดและแชมป์ถ้วยภายในประเทศมานับไม่ถ้วน แต่ทว่าสิ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสเลยก็คือแชมป์ถ้วยใหญ่อย่างยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกนั่นเอง โดยเขามีโอกาสมากมายไม่ว่าจะเป็นสมัยอยู่กับอินเตอร์ มิลานที่พวกเขาทำได้เพียงเข้ารอบ 16  ทีมสุดท้ายก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2009 หรือจะเป็นการตกรอบด้วยทีมเก่าของเขาในช่วงที่เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ทีมบาร์เซโลน่าในรอบรองชนะเลิศ อีกทั้งการลงเล่นให้กับปารีส แชงต์แชร์แมงที่เขาไม่เคยไปถึงรอบชิงชนะเลิศเลยสักครั้งในตลอดเวลา 4  ปีกับสโมสรแห่งนี้

นอกจากรายการแชมป์เปี้ยนส์ลีกแล้ว อีกหนึ่งหลุมดำของชีวิตเขาก็คือการไม่ประสบความสำเร็จในนามทีมชาติสวีเดนเลย แม้ว่าในทีมของเขาจะมีนักเตะดี ๆ อย่างเฟรดดี้ ลุงเบิร์กหรือเฮนริก ลาร์สันก็ตาม รวมถึงโอกาสสุดท้ายในนามทีมชาติที่เขาต้องไปเจอกับทีมแข็งอย่างอิตาลี เบลเยี่ยมและไอร์แลนด์จนไม่สามารถยิงประตูได้แม้แต่นัดเดียวพร้อมตกรอบไปอย่างน่าเจ็บใจ ก่อนที่เขาจะประกาศลาทีมชาติอย่างเป็นทางการในปี 2016 นั่นเอง

หากคำว่านักรบยอมมีบาดแผลก็คงจะใช้ได้กับนักเตะแบบซลาตัน อิบราฮิโมวิชเช่นกัน แม้สไตล์การเล่นของเขาจะทำให้ทีมพึ่งพาเขาได้ แต่นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าต่อให้มีกองหน้าที่เก่งเพียงไหนก็ตาม หากทีมไม่มีความแข็งแกร่งในทุกด้าน แม้แต่พระเจ้าก็ไม่อาจจะช่วยให้สโมสรใดเป็นแชมป์ได้อย่างแน่นอน