โลกฟุตบอลที่โดนครอบงำด้วยไวรัสโควิด-19

ในปี 2020 ถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดาของวงการฟุตบอล หลังจากที่ฤดูกาลต่าง ๆ ต้องถูกระงับไปไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก ลีกเอิงหรือลาลีกาสเปน จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนส่งผลกระทบไปทั่วโลก ก่อนที่ฟุตบอลจะได้กลับมาแข่งขันใหม่อีกครั้งในสนามเปล่าที่ไม่มีแฟน ๆ เข้าชม หรือการแข่งขันรายการต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำของการแพร่ระบาด รวมไปถึงการงดซ้อมของนักเตะหรือการติดเชื้อไวรัสของพวกเขาเอง จนเรียกได้ว่าโควิด-19 ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกฟุตบอลอย่างไม่อยากหลีกเลี่ยงได้

การมาของโควิด19 ในโลกฟุตบอล

หลังจากที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เกิดขึ้นในประเทศจีนจนทำให้ทั่วโลกต้องเฝ้าจับตาดู ก่อนที่เรื่องของไวรัสจะเริ่มเป็นที่น่ากลัวในประเทศฝรั่งเศสที่มีนักฟุตบอลติดเชื้อเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการแข่งขันในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกและยูโรป้าลีกที่ทีมจากแต่ละประเทศจะต้องมาประชันฝีมือกัน จนกระทั่งนักเตะที่เพิ่งไปลงแข่งในฝรั่งเศสอย่างโคลัม ฮัตสัน โอดอยของสโมสรเชลซีจะติดเชื้อเป็นคนแรก ๆ ของพรีเมียร์ลีก และในที่สุดฟุตบอลทั่วทวีปยุโรป รวมถึงทั่วโลกจะต้องระงับการแข่งไปนานกว่า 3 เดือน จนในปัจจุบันยังคงมีนักเตะที่ติดเชื้อโควิดอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นคีเลี่ยน เอมปัปเป้และตำนานของฟุตบอลอังกฤษอย่างเดวิด แบคแฮมพร้อมครอบครัวที่ป่วยด้วยไวรัสอันตรายนี้อีกด้วย

การปรับเปลี่ยนเพื่อไปต่อของฟุตบอล

เมื่อมีการรักษาระยะห่างทางสังคมเข้ามาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด ทางสมาคมฟุตบอลต่าง ๆ ก็พยายามหาทางให้ลีกฟุตบอลต่าง ๆ กลับมาแข่งต่อได้  โดยเป็นทางบุนเดสลีกาที่ประเทศเยอรมันมีการจัดการที่ดีกว่าและยอมให้จัดการแข่งขันในที่สุด แต่ทว่าต้องมีการตรวจเชื้อก่อนแข่งเสมอ และผู้เล่นต้องเลี่ยงการสัมผัสตัวรวมถึงใส่หน้ากากเมื่อไม่ได้ลงแข่งในสนามอีกด้วย ก่อนที่ยูฟ่าจะประกาศว่าการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกจะจัดขึ้นในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกสและแข่งขันแบบนัดเดียวจบเพื่อการประหยัดเวลา รวมถึงลงแข่งในจำนวนนัดที่น้อยที่สุดเพื่อหาเจ้ายุโรป รวมถึงยูโรป้าลีกที่ได้จัดขึ้นในประเทศเยอรมันที่พิสูจน์ตัวเองว่าสามารถจัดการแข่งขันในลีกได้เป็นที่เรียบร้อยนั่นเอง

นอกจากนี้ทางฝั่งเอเชียอย่างประเทศญี่ปุ่นที่แม้จะต้องเลื่อนการจัดงานโอลิมปิกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทว่าพวกเขามีการรักษาระยะทางสังคมได้ดีจนกระทั่งอนุญาติให้การแข่งขันเจลีกสามารถมีแฟนบอลเข้าชมในสนามได้อีกด้วย แม้ว่าจะเป็นเพียง 25% ของที่นั่งในสนามก็ตาม แต่การมีเสียงแฟนบอลกลับมาในสนามคงเป็นแนวทางที่ประเทศอื่น ๆ คงเอาเป็นแนวทางอย่างแน่นอน

จะเห็นว่าโลกฟุตบอลต่างต้องดิ้นรนหาทางออกเพื่อให้วงการไปต่อให้ได้ แม้ว่าช่วงแรกอาจจะไม่มีแฟนบอลเข้าชมหรือมีการสัมผัสตัวที่น้อยลง แต่ทว่าการแข่งขันที่นิยมที่สุดในโลกอย่างฟุตบอลแล้ว การแข่งขันต่อคงจะดีกว่าการยุติไปเลย รวมถึงการยอมรับความจริงว่าทั้งโลกยังคงต้องอยู่ต่อไปพร้อมกับการป้องกันเชื้อไวรัสนี้จนกว่าจะมีวัคซีนเกิดขึ้นมานั่นเอง